Gelplus HRT– ฮาร์ท
สารอาหารบำรุง หัวใจและหลอดเลือด ที่มีผลวิจัยทางการแพทย์
7 ชนิดใน 1 ซอง ที่แพทย์ใช้กับตัวเอง
ผลลัพธ์ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เป็นประสบการณ์เฉพาะบุคคล… ผลลัพธ์ของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน

ประสบการณ์ผู้ป่วย
โรคหัวใจและหลอดเลือดดีขึ้น
หมอเป็นเอง..ใช้เอง

ทำไมเราต้องสนใจไขมันและโคเลสเตอรอล

ไขมันสูง คอเลสตอรอลสูง ไตรกลีเซอไรด์สูง
เป็นสาเหตุ
โรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
หลอดเลือดหัวใจตีบ
หลอดเลือดสมองตีบ หลอดเลือดสมองแตก
หลอดเลือดตีบ หลอดเลือดแข็งตัว
เบาหวาน ความดันสูง
และภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น
หัวใจโต ลิ้นหัวใจรั่ว
ทางออกในการดูแลสุขภาพด้วยสารอาหาร

อ่านค่าเลือดให้เป็น – ไขมัน สูง เท่าไหร่ เสี่ยงโรคหัวใจ
ในการตรวจค่าไขมัน เราจะตรวจ 4 ค่า ได้แก่ Total Cholesterol, HDL, LDL และ Triglyceride งดอาหารก่อนเจาะเลือด 12 ชั่วโมง สามารถดื่มน้ำเปล่าได้
Total Cholesterol
เป็นสารที่มีลักษณะเหมือนขี้ผึ้ง ดูคล้ายไขมัน แต่ไม่ใช่ไขมัน เพราะมันไม่ให้พลังงาน TC เป็นส่วนประกอบของผนังหุ้มเซลล์ และยังเป็นสารตั้งต้นของ การผลิตสารหลายๆตัวในร่างกาย ค่าที่เหมาะสมของ TC ควรจะไม่เกิน 200 mg/dL และไม่ควรต่ำกว่า 160 mg/dL เพราะ TC ที่ต่ำเกินไป อาจเสี่ยงต่อโรค ตับอักเสบ โรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบหลอดเลือดในสมอง และระบบการย่อยอาหาร
HDL
HDL เป็นไลโปโปรตีน ที่มีโปรตีนมาก ไขมันน้อย ช่วยกำจัดคอเลสเตอรอลส่วนเกินในร่างกาย ค่า HDL ยิ่งสูง ยิ่งเสี่ยงต่อโรคหัวใจน้อยค่ะค่าที่เหมาะสม ของ HDL คือ
HDL > 40 mg/dL (ในผู้ชาย)
> 50 mg/dL (ในผู้หญิง)
ค่าที่แนะนำ คือ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ควรมากกว่า 60 จึงจะช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจได้ เราสามารถเพิ่ม HDL ให้สูงขึ้นได้ ด้วยการออกกำลังกายที่ต่อเนื่อง การกินอาหารที่มีไขมันดี
LDL
LDL เป็นไลโปโปรตีน ที่มีโปรตีนน้อย ไขมันมาก แน่นอนว่าแทนที่จะช่วยกำจัด แต่ LDL กลับเอาคอเลสเตอรอลไปแจกจ่ายทั่วร่างกาย ค่าที่เหมาะสมของ LDL คือ LDL < 100 mg/dL
แต่ในผู้ป่วยหรือเสี่ยงโรคหัวใจ ควรมีค่า LDL < 70 mg/dL
LDL จะไปเกาะตามผนังหลอดเลือด ดังนั้นกรณีที่เสี่ยงโรคหัวใจ เคยตีบมาแล้ว เคยบอลลูนมาแล้ว ควรคุม LDL ไว้ไม่ให้เกิน 70
การที่ LDL สูง เกิดจาก การที่เราไม่ออกกำลังกาย การกินไขมันอิ่มตัวสูง บ่อยๆ ไขมันอิ่มตัวสูง มาจาก ไขมันสัตว์ และจากพืชบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิ
Triglyceride
จัดเป็นไขมันที่แท้จริง ค่าปกติ ของ TG ควรต่ำกว่า 150 mg/dL แต่ถ้ามีค่า TG ที่ต่ำมาก อาจเกิจากร่างกายดูดซึมไม่ได้ หรือ มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษ ถ้า TG สูงเกินไป อาจเกิดการการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 หรือ มีความเสี่ยง ที่จะเปนโรคหัวใจ คนส่วนใหญ่ ที่อ้วน ชอบกินแป้งน้ำตาลน้ำหวาน ส่วนใหญ่ก็จะตรวจพบค่า TG ที่สูง อยู่ในช่วง 200-300
วิธีลด TG คือ กินแป้งน้ำตาลให้น้อยลง และออกกำลังกาย
อัตราส่วนนี้ เราจะเรียกว่า Risk of Coronary Heart Disease

หลักๆ เราจำมาใช้ตัวเดียวก็ได้ค่ะ เพียงพอต่อการอ้างอิง ก็คือ ค่า
TC to HDL ratio
< 5 (ในผู้ชาย)
< 4.4 (ในผู้หญิง)

ตัวอย่างจาก ผู้ป่วย หัวใจโต ท่านนึง นะคะ ที่ผ่านการรักษามาระยะนึงแล้ว
และ ควบคุมการทานอาหาร
ลองมาดู ค่า TC to HDL ratio จะเท่ากับ
=177/41 = 4.3 ยังไม่เกินนะคะ เรียกว่า มีการคุมไขมันได้ดี แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ควรมี HDL เพิ่มอีกนิด ค่าที่แนะนำคือ มี HDL มากกว่า 60
Gel plus™ HRT
มีส่วนผสมของ
สารต้านอนุมูลอิสระ 7 อย่าง
ที่มีผลการวิจัยทางการแพทย์
เน้นบำรุงและปกป้องหัวใจคุณ
โดยเฉพาะ ได้แก่

- Taurine ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของหัวใจ
- L-carnitine ช่วยเพิ่มการสร้างพลังงานกล้ามเนื้อหัวใจ
- Co Q10 เพิ่มพลังงานระดับเซล และลดปฏิกิริยา oxidation
- Policosanol ช่วยรักษาสมดุลของสุขภาพคอเลสเตอรอล และช่วยเพิ่มอัตราส่วนHDL/LDL ไขมันดีและไขมันเลวให้อยู่ในสมดุลปกติ
- Oyster mushroom powder ช่วยทำให้ระดับคอเลสเตอรอลปกติ
- Folic Acid ปรับระดับโฮโมซิสเตอินให้เหมาะสม (ปกติ < 15, เหมาะสม < 8 mmol/l)
- Selenium ช่วยสร้างเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระเฉพาะหัวใจ


HRT – ฮาร์ท เอชอาร์ที ช่วยอะไรท่านได้บ้าง
– ช่วยดูแลระดับของสมดุลของไขมัน และป้องกันการอักเสบของหลอดเลือด
– ทำให้ระบบหัวใจทำงานได้เป็นอย่างดี และรักษาสมดุลของความดันโลหิต
– ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ต่อหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
วิธีรับประทาน : รับประทานวันละ 1 ซอง หรือ ตามอาการ
เลขที่ อ.ย. 10-35761-5-0004


- เป็นกรดอะมิโนกึ่งจำเป็น
- จำเป็นในการสันดาปเพื่อสร้างพลัง
- ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหัวใจ เม็ดเลือดขาว ระบบประสาทส่วนกลางเป็นปกติ
- การกินแบบเม็ดจะดูดซึมเพียง 5-18%
- ถ้ากินในแบบที่ใกล้เคียงธรรมชาติจะดูดซึมได้ถึง 75%
- L-Carnitine ช่วยปกป้องหัวใจจากการขาดออกซิเจน และ oxidative stress
- งานวิจัยการใช้ในผู้ป่วย myocardial infarction, angina, and congestive heart failure โดยรวมได้ผลดี
- ขนาดกินแบบเม็ดใช้ 1.5 to 6 g/d นาน 1 ปี ช่วยลดอัตราตาย และหัวใจล้มเหลวได้
การศึกษาแบบ randomised double blind placebocontrolled pilot trial ของ CoQ10
- สำหรับผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว 35 ราย ศึกษานาน 3 เดือน
- ผู้ที่ใช้ CoQ10 เท่านั้นที่มีอาการหัวใจล้มเหลวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในแง่ของระดับ ความเหนื่อย และระยะเวลาการออกกำลังกาย
Langsjoen PH, Langsjoen AM. Overview of the use of CoQ10 in cardiovascular disease. Biofactors. 1999;9(2-4):273-84.
CoQ10 เปลี่ยนแปลงอาการทางระบบหลอดเลือดหัวใจได้
- ศักยภาพในการป้องกันโรคระบบหลอดเลือดหัวใจ คือ
- ยับยั้งออกซิเดชั่นของ LDL cholesterol ไม่ให้เกาะกับหลอดเลือด
- คงสภาพการทำงานของไมโตครอนเรีย และเซลให้เหมาะสมกับสภาวะเครียดทั้ง ภายในและภายนอก
- ศึกษาผู้ป่วย 424 คน ใน 8 ปี (1985-1993) ที่เป็นโรคหัวใจหลอดเลือด
- ให้ CoQ10 75 – 600 mg/day (average 242 mg).
- ติดตามผลเฉลี่ย 17.8 เดือน พบว่าค่าความเหนื่อย NYHA ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
58% ดีขึ้น 1 ขั้น
28% ดีขึ้น 2 ขั้น
1.2% ดีขึ้น 3 ขั้น
Usefulness of coenzyme Q10 in clinical cardiology: a long-term study.
- ตรวจ echocardiographic พบว่าการทำงานกล้ามเนื้อหัวใจดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- การกินยาโดยรวมลดลง ดังนี้
- 43% หยุดยาได้ 1-3 ชนิด
- เพียง 6% ต้องการยาเพิ่มขึ้น 1 ชนิด
- ไม่พบภาวะแทรกซ้อนใดๆจากการกิน CoQ10 ยกเว้นรายเดียวที่มีอาการคลื่นไส้ชั่วคราว
– เป็นสารสกัดจากน้ำตาลอ้อยที่อุดมด้วย long chain fatty acids
– มีผลในในการลดกระบวนการผลิตไขมันเลว LDL
– 23 รายงาน (placebo-controlled RCT’s) ที่ศึกษาผู้ป่วยคอเลสเตอรอลสูง พบว่าลด LDL อย่างมีนัยสำคัญ
ผลต่อไขมันดี HDL พบว่า
- 15 ใน 23 รายงานพบว่า เพิ่ม HDL
- 8 รายงาน ไม่มีผล
- พบว่ามีประสิทธิภาพไม่แตกต่างกับยาลดไขมัน ในการลด LDL และไตรกลีเซอไรด์
- รายงานแพทครั้งใหญ่ในปี 2005 พบว่า (p < 0.0001 ทั้งหมด)
- ลดไตรกลีเซอไรด์ 16.2%
- ลด LDL 23.7%
- เพิ่ม HDL 10.6%
- มีผลแทรกซ้อนน้อยมาก และคล้ายกับยาหลอก
– การศึกษาใน Cuba ในผู้ป่วย 27,879 ราย พบผลแทรกซ้อน 0.31% ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย นอนไม่หลับ และปวดศีรษะ
- Pleurotus ostreatus
- medicinal mushrooms มีฤทธิ์ ต้านไวรัส ต้านแบคทีเรีย ต้านมะเร็ง ลดคอเลสเตอรอล และเพิ่มภูมิต้านทาน
- Ostreolysin เป็นโปรตีนที่ไปสลายเยื่อหุ้มคอเลสเตอรอล
- เป็นอาหารของสมอง โดยเฉพาะทารกในครรภ์
- เป็นสารจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง
- ช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง และเม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ได้ดี
- ช่วยเอ็นไซม์ในการสังเคราะห์ DNA, RNA
- ควบคุมระดับ homocysteine
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
- สารต้านอนุมูลอิสระ
- จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างกลูตาไทโอน
- ช่วยการทำงานของต่อมไทรอยด์
- ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ปอด และลำไส้ใหญ่




